วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ประวัติวันคริสต์มาส



         วันคริสต์มาสเป็นวันหยุดประจำปี ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม โดยวันดังกล่าวอาจจะไม่ตรงกับวันเกิดจริงๆของพระเยซู แต่อาจจะเป็นวันที่ถูกเลือกเอาไว้เพื่อให้สอดคล้องกับเทศกาลโรมัน หรือสอดคล้องกับวันที่มีช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุด (winter solstice)คริสต์มาสเป็นเทศกาลที่สำคัญ และมีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในย่านของชาวคริสเตียนนั้นจะมีการจัดเทศกาลนี้ยาวนานถึง 12 วัน

        แม้ว่าวันคริสต์มาสจะเป็นเทศกาลของชาวคริสต์ แต่ในหมู่คนที่ไม่ใช่ชาวคริสต์ก็มีการเฉลิมฉลอง
กันอย่างแพร่หลายเช่นกัน ซึ่งการเฉลิมฉลองนั้นมีทั้งแบบสมัยใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาเลยกับอีก
แบบหนึ่งคือแบบดั้งเดิม โดยประเพณีที่เป็นนิยมในสมัยใหม่นั้น ได้แก่ การมอบของขวัญ การแลกเปลี่ยนการ์ดอวยพร
      การจัดงานเลี้ยงฉลองในโบสถ์ การรับประทานอาหารมื้อพิเศษ และการโชว์งานตกแต่งประดับประดาตามสถานที่ต่าง ๆด้วย ต้นคริสต์มาส ดวงไฟประดับ พวงดอกไม้ ต้นมิสเซิลโท การแสดงเกี่ยวกับวันประสูติของพระเยซู และต้นฮอลลี่
      นอกจากนี้บิดาแห่งคริสต์มาส (หรือที่ชาวอเมริกาเหนือและไอร์แลนด์เรียกว่า ซานตาคลอส) ยังเป็นหนึ่งตำนานที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้นำของขวัญมามอบให้กับเด็ก ๆ





ประวัติคริสต์มาส

         เป็นเวลาหลายศตวรรษที่นักเขียนชาวคริสเตียนยอมรับว่าวันคริสต์มาสนั้นตรงกับวันประสูติของ
พระเยซู อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ก็เริ่มมีนักวิชาการนำเสนอคำอธิบายเพิ่มเติม ไอแซค
นิวตัน ให้ความเห็นว่าวันคริสต์มาสนั้นถูกเลือกขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับช่วง วันที่มีกลางวันสั้นที่สุด(winter solstice) ซึ่งในอดีตได้กำหนดไว้ให้ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม

     ปี 1743 Paul Ernst Jablonski ชาวเยอรมันที่นับถือคริสต์นิกายโปแตสแตนซ์ ให้ความเห็นว่าวัน
คริสต์มาสนั้นระบุให้ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม เพื่อให้สอดคล้องกับวันหยุด Roman Solar Holiday Dies Natalis Solis Invicti และโดยเหตุการณ์นั้น พวกนอกรีตได้ทำให้โบสถ์ดูไม่น่าเลื่อมใส และหมดความศรัทธา     ปี 1889 Louis Duchesne กล่าวว่าวันคริสต์มาสถูกคำนวณจากวัน Annunciation ไปอีก 9 เดือน วัน Annunciation ตรงกับวันที่ 25 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ระลึกถึงการกลับชาติมาเกิดของนางฟ้ากาเบรียล ซึ่งจุติเป็นพระแม่มารี ซึ่งตามประเพณีแล้วถือว่าเป็นวันแห่งการลงมาจุติยังโลกมนุษย์

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Web 2.0

Image by Information Architects

Web 2.0

           Web 2.0 คิดว่าหลายๆคนคงเคยได้เห็น Web 2.0 บน Internet กันมาสักพักนึงแล้ว บางคนคงส่งสัยว่ามันคืออะไร หลายๆคนคิดว่าคงเป็นมาตรฐานใหม่ และมีอีกไม่น้อยที่คิดว่ามันคือ Software รุ่นใหม่จาก Microsoft หรือ Google แต่จริงๆแล้ว Web 2.0 ไม่ได้เป็นอะไรใหม่ไปกว่าปัจจุบัน แต่มันเป็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปต่างหาก 

           ปัจจุบันวิถีการใช้ Internet ของชาว Cyber เปลี่ยนไปจากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมามาก เมื่อก่อน(ก็แค่ 2-3 ปีที่แล้ว) เรารู้จักที่จะใช้ Internet เพื่อ ส่ง Email, คุยกับเพื่อนด้วย Chat Room หรือ IM, Download โปรแกรมใหม่, Search หาข้อมูลแลกเปลี่ยนความเห็นที่ Web Board, อ่านข่าว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือ Feature หลักๆที่เราใช้งาน แต่ลองมาคิดถึงปัจจุบันเรากลับใช้ Internet เพื่อ เขียน BLOG, แชร์ Photo, ร่วมเขียน Wiki, Post Commment ในข่าวหาแหล่งข้อมูลด้วย RSS เพื่อ Feed มาอ่านที่ Desktop, และ Google จะเห็นได้ว่าวิถีการใช้ชีวิตบน Internet ของชาว Cyber เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว 

           "ตอนนี้ฉันเลิกดู TV มาได้เดือนครึ่งแล้ว และถ้าฉันไม่ต้องกิน เข้าห้องน้ำ หรือมี Sex บางทีฉันอาจจะไม่จำเป็นต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริงอีกต่อไป" นี่เป็นคำพูดใน Blog ของ Daneane Gallardo 
คำกล่าวข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง รวมถึงพฤติกรรมการใช้ Internet ได้เป็นอย่างดี และนี่เป็นที่มาของ Web 2.0 หรือยุคใหม่ของ Internet ที่ได้เปลี่ยนการใช้งานของเราไปอย่างสิ้นเชิง              พฤติกรรมการใช้ internet ทำให้คำว่า Web ไม่ใช่แค่ Noun อีกต่อไป แต่มันเป็น Verb เสียแล้ว เป็นการติดต่อ ทาง และผู้ใช้เองนั่นและเป็นผู้สร้าง Content ไม่ใช่ Content Provider อีกต่อไป              กลับมามองที่ประเทศไทยเราบ้าง ประเทศไทยของเราตอนนี้เข้ามาถึงยุคของ Web 2.0 แล้วหรือยัง ถ้ามองที่ผู้ใช้ในความเห็นผม ถือว่าเราได้อยู่ใน Web 2.0 แล้ว ดูได้จากจำนวน Blog ที่เพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารในช่วง ปีที่ผ่านมา หรือ Photo Sharing ที่นับวันจะมีการแชร์รูปกันมากขึ้น และการแสดงความคิดเห็นตาม Content หรือ Web board ต่างๆ เห็นได้จาก Manager Online แต่หากกลับมามองที่เทคโนโลยีละ เราถึง Web 2.0 แล้วหรือยัง ... ในมุมมองของผมคือ ยัง ไม่ว่าจะทั้งทางด้านเทคโนโลยี การประยุกต์ใช้ Concept และแนวคิดต่างๆ เรายังมีให้เห็นน้อยมาก การใช้เทคนิคเช่น CSS Layout หรือ Ajax มีให้เห็นน้อยมาก หรือไม่มีเลย แนวคิดเรื่อง Tags, Podcasts ก็ไม่มีอีกเช่นกัน

BaseCamp

  

BaseCamp : เป็นซอฟแวร์ของ Garmin มีทั้งสำหรับ PC และ Mac เพื่อดูแผนที่ จัดการ waypoints, เส้นทาง(route), และ รอยทาง (track) สามารถรับและส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังอุปกรณ์ Garmin ของคุณ BaseCamp แสดงข้อมูลแผนที่ภูมิประเทศของคุณในแบบ หรือ มิติบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณรวมถึงความสูงจากระดับน้ำทะเล จากนั้นคุณสามารถดูและหมุนแผนที่จากมุมต่างๆ คุณสามารถวางแผนเส้นทางของคุณ เตรียมความพร้อมสำหรับคุณเดินทางโดยการสร้าง waypoints และเส้นทางในคอมพิวเตอร์ของคุณแล้วโหลดไปยังอุปกรณ์ของคุณ เพื่อประเมินความยากของการเดินทางของคุณ  BaseCamp สามารถแสดงการจำลองเส้นทางและรอยทางของคุณ เหมาะสำหรับ Garmin GPS handheld เช่น Oregon

   basecamp

BaseCamp สามารถใช้ได้ในการดาวน์โหลดค่าใช้จ่ายของฟรีสำหรับ Windows หรือ Mac OS X
ในหลาย ๆ วิธีจะแทนที่ MapSource (Windows) และ Roadtrip (Mac OS) แม้ว่ามันจะยังขาดคุณสมบัติบางตัวที่มีอยู่ใน MapSource ยังทำงานได้ค่อนข้างแตกต่างกันเช่นจุดทั้งหมด / แทร็คจะเพิ่มฐานข้อมูลเดียวไม่ได้ไฟล์ที่แยกต่างหาก แม้ว่ามันจะสามารถนำเข้าหรือส่งออกไฟล์ในรูปแบบไฟล์ GPX, TCX หรือ GDB
เป็นมาตรฐานการดาวน์โหลดโปรแกรม BaseCamp มี basemap ทั่วโลกไม่ได้มีรายละเอียดมาก BaseCamp ใช้แผนที่เดียวกับ MapSource เพื่อใดแผนที่ OSM ติดตั้งใน MapSource ก็จะถูกติดตั้งใน BaseCamp นอกจากนี้ยังสามารถแสดงแผนที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ GPS หรือการ์ดหน่วยความจำ   
basecamp